กดดันตัวเองมากเกิน

206603 ศุภกร เลาหสงคราม

นักจิตวิทยาเชิงบวก (Positive Psychologist)


ลักษณะของคนที่มีนิสัยกดดันตัวเอง

  • มีความหวังกับตัวเองสูง
  • อยากพิสูจน์ตัวเอง
  • ชอบอะไรที่ท้าทายตัวเอง
  • บางทีอาจเอาค่าของตัวเองไปผูกกับสิ่งอื่น เช่น การประสบความสําเร็จ การชนะ การได้รับการยอมรับจากผู้อื่น
  • ชอบบังคับข่มขู่หรือด่าว่าตัวเองเพื่อเคี่ยวเข็ญตัวเอง
  • เวลาผิดหวังหรือทําอะไรผิดพลาดจะไม่ลืมแต่กลับเอาความผิดพลาดนี้มาทําร้ายตัวเองจนชีวิตดิ่ง

สาเหตุที่ทําให้กดดันตัวเอง

มีความหวังกับตัวเองสูง

การมีความหวังกับตัวเองสูงเป็นเรื่องดีแต่ก็ไม่ดีเสมอไป บางคนคาดหวังกับตัวเองมากจนกดดันตัวเองเครียดและไม่มีความสุข บางคนเมื่อมีความคาดหวังกับตัวเองสูงแล้วไม่สามารถทําได้ตามเป้าหมายก็กลายเป็นเกรียดตัวเองผิดหวังในตัวเองและหมดความมั่นใจ บางคนใช้ความคาดหวังที่มีให้กับตัวเองมากดดันตัวเองมากจนชีวิตขาดสมดุล เช่น ใช้ร่างกายจนสุขภาพเสีย นี้คือบางเหตุผลที่แสดงให้เห็นว่าการที่เรามีความหวังกับตัวเองที่สูงก็ไม่ได้ดีเสมอไป หากใช้ไม่เป็นไม่ถูกที่ถูกเวลาก็สามารถกลับมาทําร้ายเราได้อย่างที่เราไม่รู้ตัวเช่นเดียวกัน

แล้วความคาดหวังที่เรามีกับตัวเองที่กําลังกดดันเราอยู่คืออะไร? เป็นความคาดหวังที่ตรงต่อความจริงไหม? อยากให้ลองนั่งคิดและจดลงมาดู ว่าความคาดหวังไหนที่กําลังกดดันเรามากที่สุด เป้าหมายของการทําเช่นนี้ก็เพื่อให้เรารู้ก่อนว่าสาเหตุที่เรารู้สึกกดดันมันคืออะไร เพื่อที่เราจะได้เอามาพิจราณาอีกทีว่าความคาดหวังนี้สุดท้ายแล้วมันดีต่อเราจริงไหม หรือว่ามันควรเป็นสิ่งที่เราควรคาดหวังไหม

คาดหวังกับตัวเองตัวเองด้วยความรักหรือด้วยความอยาก?

อันนี้เป็นอีกคําถามที่อยากให้เราไปพิจราณาอย่างละเอียดอ่อน หากเรากดดันตัวเองเพราะรู้ว่าเราสามารถทําได้และควรทําบางสิ่งที่ดีต่อตัวเองและผู้อื่น กดดันเพื่อลดละ อีโก้ ของเราที่อาจจะ เป็นคนขี้เกียจ ไม่มีระเบียววินัย อันนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ก็ควรกดดันในปริมานที่พอดี เหมือนที่พระพุทธเจ้าได้พูด เรื่อง พิณสามสาย ที่ไม่ควรตึงหรือหย่อนเกินไป

ในทางตรงกันข้าม เมื่อเราคาดหวังกับตัวเองด้วยความอยากอย่างเดียว ความอยากนี้ก็จะไม่รู้ขอบเขตว่าเท่าไหร่คือพอดี จะมีแต่การผลักดันกดขี่และเคี่ยวเข็ญตัวเรา ซึ่งอาจจะออกมาในรูปแบบต่างๆเช่น บางคนอาจจะด่าว่าตัวเองในใจ กดดันตัวเองตลอดเวลาทําไมไม่สําเร็จสักที ทําไมไม่ได้เหมือนคนอื่นสักที ทําไมไม่เก่ง ต่างๆนาๆ โดยไร้ซึ่งความรักความเข้าใจ สุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องของ อีโก้ หรือ อัตตาตัวตน ที่อยากจะพิสูจน์ หรือ รู้สึกว่าตัวเองนั้นมีค่า การทําตามอํานาจของความอยากเช่นนี้ ยิ่งทํามากก็ยิ่งส่งเสริมอีโก้และทําให้เราเป็นทาสต่ออีโก้ของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น

มีความคาดหวังกับตัวเองที่ผิด

แย่ไปกว่าการที่เรามีความคาดหวังกับตัวเองที่มากเกินก็คือการที่เราไปมีความคาดหวังที่ผิด เช่น:

มีความคิดแบบ fix idea

  • ต้องสําเร็จถายในอายุเท่านี้เท่านั้น
  • เพื่อนจบมาได้งานดี เราก็ต้องมีงานที่ดีเหมือนกัน
  • ต้องมีลูกมีครอบครัวก่อนอายุเท่านั้นเท่านี้
  • คนประสบความสําเร็จต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ต้องมีเงินเท่านั้นเท่านี้

เอาค่าของตัวเองไปผูกไว้กับสิ่งภายนอก

  • ทรัพย์สินเงินทอง
  • ชื่อเสีย
  • หน้าที่การงาน
  • หน้าตาทางสังคม
  • การยอมรับจากคนรอบข้าง
  • การประสบความสําเร็จ
  • การเอาชนะคนอื่น

มีความอยากในชีวิตที่ผิด

  • อยากดีกว่าเพื่อนถึงจะมีความสุขได้
  • ต้องพิสูจน์ตัวเองให้พ่อแม่เห็นว่าเรามีค่าให้ได้ก่อนถึงจะมีความสุข เห็นปลายทาง สําคัญกว่าเส้นทาง

เอาความกดดันทางสังคมมากดดันตัวเอง

  • พ่อแม่ขาดหวัง เราเองอยากให้พ่อแม่ภมูิใจ ก็เลยกดดันตัวเอง
  • เพื่อนสอบได้คะแนนดี ได้เข้ามหาลัยที่ดี เรากลับไม่ได้เหมือนเขา
  • เพื่อนทุกคนแต่งงานมีลูกแล้ว เรายังไม่ได้ไปไหนเลย

สิ่งที่อยากให้ฝึกก็คือการเห็นความดีในความแย่และความแย่ในความดีเสมอ บางทีชีวิตก็ไม่ได้ขาวหรือดําอย่างที่เราคิดเสมอ บางอย่างที่ดูเหมือนจะขวามันก็มีอะไรดําอยู่ในนั้น หรือว่าบางอย่างที่ดูดําจริงๆมันก็มีแง่ที่ขาวที่ดีเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น

  • การที่เราเกิดมาในครอบครัวที่รํ่ารวยนี้ก็ไม่ได้ดีเสมอ เมื่อชีวิตสบายก็ไม่ต้องดิ้นลนทําให้เป็นคนอ่อนแอและไม่ขวนขวาย หลายคนที่ผมรู้จักก็ติดยา ติดสุรา และสุดท้ายชีวิตที่แสนสบายนี้ก็เราเป็นคนไร้ค่าในสังคม ในทางกลับกัน มีคนหลายคนมากที่เกิดมาด้วยความยากลําบาก แต่เพราะความยากลําบากนี้ก็ทําให้เขาแข่งแข็งและประสบความสําเร็จ
  • คนที่หน้าตาดี บางทีก็เป็นคุณและโทษอยู่ในตัว เวลาหาคู่ คนที่เข้ามาเขาอาจจะไม่ได้รักเราที่นิสัยใจคอ พอแก่ตัวเข้าหน้าตาไม่สวยเหมือนเดิม คนรักเราก็อาจจะเดินออกจากชีวิตเรา เพราะเหตุผลเดียวที่เข้ามา นั้นก็คือหน้าตาและความสวยหล่อของเรา ดังนั้นการที่เรามีหน้าดีก็อาจจะเป็นทั้งบุญและโทษอยู่ในตัวเดียวกันก็เป็นได้

สรุปก็คือทุกอย่างมันไม่ได้ดีร้อยเปอร์เซ็นหรือแย่ร้อยเปอร์เซ็น หากเรามองให้ดี ทุกอย่างมันก็มีทั้งข้อดีและชั่วของมัน เราไม่ควรเชื่ออะไรง่ายๆ ตามที่สังคมหรือคนอื่นว่าว่าอะไรดีหรืออะไรไม่ดี อย่าไปคิดแบบตายตัวแบบนั้น บางทีมันไม่แน่ สิ่งที่คนอื่นว่าดีนักดีน้า พอเราได้มันมาเราก็อาจจะไม่ได้รู้สึกว่ามันมีค่าอะไรเลยก็เป็นได้

ที่พูดมานี้ก็เพื่อให้เราพิจราณาของค่าที่แท้จริงของสิ่งที่เรากําลังเอามากดดันตัวเองอยู่ เช่นถ้าเราสมัครไม่ได้มหาลัยหรืองานดีๆอย่างเพื่อนเขามันแปลกว่าชีวิตเราจบแล้ว ชีวิตเราไม่ได้เรื่องแล้วจริงหรือ? หรือว่าบางทีเส้นทางของชีวิตของคนเรามันก็ไม่จําเป็นต้องเหมือนกัน และมีนิยามของความสําเร็จบางทีมันก็ไม่ต้องเหมือนกันก็ได้ เป้าหมายของชีวิตบางคนก็แค่อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น ไม่ได้ต้องการเงินทอง ตําแหน่ง หรือการยอมรับ อะไรมากมาย การที่เขามีครอบครัวอบอุ่นแต่ไม่ได้เด่นเรื่องอื่นๆแปลว่าเขาไม่ประสบความสําเร็จหรือเปล่า? เราต้องให้นิยามของความสําเร็จให้กับตัวเอง อย่าไปทําตามคนอื่นๆโดยที่ไม่ได้คิด เพราะการทําเช่นนั้น สุดท้ายจะทําให้เราเหนื่อยเปล่า

ผลลบจากการกดดันตัวเอง

  • ทําให้เครียด
  • และสุดท้ายอาจจะทําออกมาได้แย่กว่าเดิม

หากเราใช้มันอย่างไม่ถูกต้อง เช่นการที่เราคาดหวังอะไรที่เกินความเป็นจริง เอาความคาดหวัง

ก็สามารถทําให้เรารู้สึกกดดันมากเกิน หรือไม่ก็กลายเป็นเรื่องส่งเสริม "อีโก้" ก็ได้ว่า เรานั้นคาดหวังกับตัวเองมากหรือน้อยแค่ไหน

การที่เรามีความคาดหวังกับตัวเองสูงนั้นมันเป็นเรื่องที่ดี แต่เมื่อความคาดหวังนั้นสูงเกินหรือ

มองตัวเองตามความอยาก ทําให้เกิดอาการผิดหวัง

บังคับตัวเองมากเกิน

มีความหวังกับตัวเองสูงเท่าไหร่ เวลาผิดหวังก็ตกลงมาแรงเท่านั้น

ไม่ได้บอกว่าเราไม่ควรคาดหวังอะไรกับตัวเองเลย แต่แค่มีความคาดหวังที่ตรงต่อความจริง

  • ทําไมเรายังไม่สําเร็จ
  • ทําไมเรายังไม่รวย
  • ทําไมเรายังไม่สบาย

กดดันตัวเองเป็นปกติ

  • อยากให้ตัวเองทําอะไรให้ประสบความสําเร็จก็ขู่เข็น ด่าว่า กดดันตัวเองจนเคยชิน
  • work ในบางทีก็ไม่ work ตลอด

เมื่อไม่เป็นไปตามหวัง ก็ โหดร้ายและรุงแรงกับตัวเอง

ทําให้ยิ่งหนักกว่า เดิม อาจจะซึมเศร้าได้

แนวทางการรักษาอาการกดดันตัวเองมากเกิน

รู้จักหนัก รู้จักเบา กดดันในบางเรื่องไม่ใช่ทุกเรื่อง บางเรื่องเราต้องอ่อนโยนกับตัวเอง

อย่าเอาค่าของเราไปผูกกับสิ่งอื่น หาวิธีหาค่าให้กับชีวิตเราที่เราสามารถควบคุมได้

ความกดดันในสิ่งที่ควร

ควรพบนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์เมื่อ...

  1. ไม่มีทางออก
  2. อาการไม่ดีขึ้น
  3. พยายามแล้วแต่ไม่ได้ผล

สามารถใช้บริการปรึกษากับนักจิตวิทยาหรือสอบถามรายระเอียดได้ตามลิงก์นี้:

ปรึกษานักจิตวิทยา

สามารถใช้บริการปรึกษากับนักจิตวิทยาหรือสอบถามรายระเอียดได้ตามลิงก์นี้:

ปรึกษานักจิตวิทยา

สามารถให้ความคิดเห็นให้ กําลังใจ และช่วยพัฒนาได้ที่:

แบบฟอร์ม Feedback

ขอบคุณทุกความคิดเห็นและจะเอาไปพัฒนากล่องยาประจําใจครับ

สําหรับท่านที่อยากมีกล่องยาสามัญประจําใจไว้ที่บ้านหรือเป็นของฝากให้คนอื่นเมื่อกล่องยาประจําใจตีพิม สามารถติดต่อสั่งจองได้ที่:

แบบฟอร์มสั่งจองกล่องยาสามัญประจําใจ

หรือ

Line: @schooloflife

Line: @schooloflife

ตัวยาอาจจะใช้ได้กับบางคนแต่อาจจะไม่เหมาะกับบางคน โปรคใช้วิจรณญานและเลือกใช้ได้สิ่งที่เรารู้สึกว่าน่าจะใช้ได้ อะไรใช้ไม่ได้ก็ไม่ต้องใช้

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

guilt

รู้สึกผิด

อย่าเอาความผิดในอดีตมาทําลายหรือขัดขวางเราจากสิ่งดีๆที่เราเปลี่ยนแปลงได้ในปัจจุบัน

#กล่องยาสามัญประจําใจ

Screen Shot 2566-05-31 at 15.40.42

เกลียดตัวเอง

อย่ามองแต่จุดด้อยจนลืมมองไม่เห็นจุดแข็งของตัวเอง

#กล่องยาสามัญประจําใจ

DALL·E 2023-02-13 10.13.19 - oil painting of a girl taking shelter in a cave from a raging thunder storm by the sea

เครียด

It is not the load that breaks you down but the way you carry it.

#กล่องยาสามัญประจําใจ